Nuadnom Ubon นวดหน้าอก นวดนม เสริมหน้าอก แก้นมผิดรูป แก้นมแข็ง แก้นมบล็อก แก้นมแฝด แก้นมห่าง

Nuadnom Ubon บริการข้อมูล ความสวยความงาม บริการข้อมูล บทความ สาระ การนวดหน้าอก นวดนม นวดหน้าอกศัลยกรรม นวดหน้าอกอุบล นวดนมอุบล นวดนมร้อยเอ็ด นวดนมยโสธร นวดนมศรีสะเกษ นวดนมอำนาจ นวดนมประเทศลาว เริ่มต้น 800 บาท และบทความอื่น ๆ อีกมากมาย บทความดี ๆ เหมาะทุกเพศทุกวัย นวดพังผืดยืดกล้ามเนื้อที่นี่ที่เดียว!!!

การทำศัลยกรรมหน้าอก วิธีผ่าตัด

วิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนม

เมื่อคนไข้ตกลงเลือกรูปแบบและขนาดของซิลิโคนได้ตามความต้องการแล้ว ก็มาถึงช่วงเวลาและขั้นตอนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือ ทำนม โดยส่วนมากทีมแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกมักจะใช้ยาสลบ เพื่อให้สะดวกในการผ่าตัด เสริมหน้าอก แต่บางทีมแพทย์ก็ใช้วิธีการฉีดยาชาเฉพาะจุดร่วมกับการใช้ยาเคลิ้มหลับ แต่ส่วนใหญ่จะนิยมใช้การดมยาสลบมากกว่า พอคนไข้หลับแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดเพื่อเปิดปากแผลที่รักแร้ ปานนม หรือใต้ราวนม แล้วแต่ข้อตกลงระหว่างคนไข้กับแพทย์ว่าจะทำอย่างไร ปัจจุบันโดยทั่วไปนิยมผ่าตัดเสริมหน้าอก ใต้ราวนมมาก เพื่อหลีกเลี่ยงแผลใต้รักแร้เวลายกแขนขึ้น ขั้นตอนต่อไปแพทย์จะแหวกเปิดเนื้อเต้านม และชั้นของกล้ามเนื้อบริเวณแผงหน้าอกให้แยกออกจากกัน เพื่อที่จะใส่ถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคนเข้าไป ขณะนั้นแพทย์จะทำการห้ามเลือด หลังจากที่ห้ามเลือดเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะค่อยๆ สอดใส่ถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคนเข้าไปทีละนิดๆ จนถุงซิลิโคนเข้าไปในช่องจนหมด และทำการจัดรูปทรงให้เข้าที่ ต่อจากนั้นแพทย์จึงจะเย็บแผลปิดด้วยไหมที่มีขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นไหมละลายหรือไหมไม่ละลายก็ได้ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการเสริมหน้าอก บางกรณีที่คนไข้มีเนื้อหน้าอกค่อนข้างบาง แพทย์อาจจะทำการเสริมหน้าอก ด้วยวิธีการวางไว้ใต้บริเวณกล้ามเนื้อแผงอก เพื่อเพิ่มชั้นคลุมถุงนมเทียมจากหนึ่งชั้นเป็นสองชั้นก็ได้

ตำแหน่งแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้ราวนม

Inframammary incision หรือ วิธีการใส่ซิลิโคนเข้าไปทางใต้ราวนมในขณะผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนม เป็นวิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากวิธีนี้มีขั้นตอนที่สลับซับซ้อนน้อยกว่าวิธีผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยวิธีอื่นๆ และยังสามารถช่วยปกปิดร่องรอยของการผ่าตัดได้เป็นอย่างดีที่สุด หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ คนไข้จะสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ
  • ข้อดี : พักฟื้นในระยะสั้น มีแผลเล็กน้อยสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน ไม่จำเป็นต้องเลาะเนื้อเยื่อมาก สามารถดูแลถุงซิลิโคนหลังผ่าตัดได้สะดวกกว่าวิธีอื่นๆ
  • ข้อเสีย : มีแผลเป็นที่หน้าอก เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางลง

ความเสี่ยงในการศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือทำนม ?

ก่อนที่คนไข้จะตัดสินใจศัลยกรรมเสริมหน้าอกหรือทำนม หมอจะขอแนะนำให้คนไข้เข้าใจถึงรายละเอียดต่างๆ ของการผ่าตัดเสริมหน้าอกก่อน

การผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนมนั้น ได้มีวิวัฒนาการมาหลายสิบปี เมื่อในอดีตอาจจะเคยมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้สารแปลกปลอมฉีดเข้าไปในหน้าอกของคนไข้ เพื่อเพิ่มขนาดของหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น เช่น การใช้น้ำมันพาราฟิน เป็นต้น จากงานวิจัยพบว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการไหลของสารดังกล่าว เข้าสู่บริเวณอื่นๆ ภายในร่างกาย จนเกิดลักษณะผิดรูป บิดเบี้ยว หรืออาจจะเป็นก้อนแข็งที่บริเวณเต้านม บางกรณีอาจทำให้เต้านมเน่าตามมา จนทำให้จำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดเพื่อเอาเต้านมเน่าออกทั้งหมด เพราะฉะนั้นสารดังกล่าวในปัจจุบันจึงถือเป็นสารต้องห้ามในการผ่าตัดเสริมหน้าอก

ในปัจจุบันมีวิธีการศัลยกรรมเสริมหน้าอกหรือทำนมอยู่หลายวิธี และเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย เนื่องจากให้ผลข้างเคียงน้อยหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก คือ วิธีการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยถุงนมเทียม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคน และด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดนี้เอง ได้มีการพัฒนาวิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนมาหลายสิบปี ด้วยเทคนิคการผ่าตัดที่ดีที่สุด สามารถแก้ปัญหาสาวๆ ที่มีหน้าอกเล็ก หรือมีหน้าอกหย่อนคล้อย โดยเฉพาะผู้หญิงหลังการให้นมบุตร ซึ่งจะทำให้หน้าอกที่เคยเต่งตึงกลับมีรูปลักษณะที่เหี่ยวเล็กลง จนทำให้สาวๆ หลายท่านเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ และวิธีการศัลยกรรมเสริมหน้าอกหรือทำนมด้วยถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคนนี้เอง สามารถแก้ไขสภาพปัญหาดังกล่าวได้รูปทรวงอกท่าน กลับมาดูดีเป็นธรรมชาติ

ด้วยเทคนิคการเสริมหน้าอกด้วยถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคนนั้น เป็นวิธีที่ปลอดภัย ได้ผลดี ดังนั้นคนไข้อย่าได้หลงเชื่อไปฉีดสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ เข้าภายในร่างกายเด็ดขาด

มีคนไข้หลายท่านมาปรึกษาหมอแล้วมีคำถามหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกว่า จะเกิดผลข้างเคียงอะไรบ้างมั้ย หมอขอตอบเลยว่า มีแน่นอน แต่เป็นผลข้างเคียงคล้ายกับการผ่าตัดทั่วๆ ไป เช่น มีอาการเจ็บปวด บวมช้ำ หรือเกิดแผลอักเสบบริเวณหน้าอก อาการชาที่ปานนม หัวนม ในช่วงระยะแรก แต่จะสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาไม่นานนัก


การวางแผนสำหรับการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนม ?

เมื่อคนไข้วางแผนที่จะเสริมหน้าอก อันดับแรกคือคนไข้ต้องเข้ามาปรึกษากับศัลยแพทย์ตกแต่งที่ Absolute Beauty Clinic เพื่อขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนไข้จะได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกอย่างครบถ้วน ทั้งการเลือกชนิดของถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคน รูปแบบลักษณะของการแผลผ่าตัด รวมทั้งวิธีการดูแลอย่างละเอียดหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก

เมื่อคนไข้ได้เข้ามาปรึกษา ทางแพทย์จะทำการตรวจดูเต้านม ว่ามีลักษณะปกติหรือผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากบางกรณีที่ตัวคนไข้เองไม่ทราบมาก่อนว่าตัวเองมีโรคของเต้านม หากแพทย์ตรวจพบจะทำการรักษาก่อนที่จะทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนม เพื่อที่จะได้ป้องกันปัญหาหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกแล้วตรวจพบเจอโรคดังกล่าวที่หลัง ทางแพทย์จะสอบถามเรื่องโรคประจำตัว (หากคนไข้มีโรคประจำตัวควรแจ้ง) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหากทำการดมยาสลบเพื่อผ่าตัดเสริมหน้าอก

นอกจากนี้แพทย์จะทำการวัดขนาดของหน้าอกเดิม เพื่อประเมินความเหมาะนมระหว่างถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคนกับหน้าอกของคนไข้

หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนม ?

หลังจากรับการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนม เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปคือการดูแลหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก คนไข้จำเป็นที่จะต้องพันผ้าเพื่อรักษารูปทรงของทรวงอกประมาณ 1 อาทิตย์ ห้ามใส่เสื้อใน ควรสวมสปอร์ตบาร์ และมาตรวจหน้าอกหรือทำการตัดไหมในอีก 1 สัปดาห์ สำหรับการดูแลที่สำคัญที่สุด คือ การนวดหน้าอก เนื่องจากสรีระร่างกายของคนเรานั้น จะสร้างพังผืดมาล้อมบริเวณตัวถุงนมเทียมอยู่เสมอ หากพังผืดถูกล้อมตัวถุงนมเนียมจนแคบเกินไป หน้าอกของคนไข้อาจจะมีอาการตึงแข็งได้ หรือในบางรายเต้านมอาจจะเกิดการบิดเบี้ยวได้

ดังนั้นแพทย์หรือทางทีมพยาบาลมักจะกำชับ ให้คนไข้ขยันหมั่นนวดคลึงหน้าอกอยู่เสมอ เพื่อให้ถุงนมเทียมนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาดังกล่าวตามมา และยังช่วยทำให้หน้าอกสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยวิธีการนวดบริเวณหน้าอกทำอย่างต่อเนื่องกัน อย่างน้อยประมาณ 6 เดือน จนถึง 1 ปี

หลังจากรับการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือทำนมไปแล้วในระยะยาว คนไข้ควรหมั่นตรวจเช็คเต้านมด้วยตนเองให้สม่ำเสมอ หากคนไข้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคนที่เสริม คนไข้สามารถกลับมาปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูเป็นระยะๆ (ช่วงระยะเวลาประมาณ 3 ถึง 6 เดือน) เพราะหากคนไข้มีปัญหาหรือเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการรั่วหรือฉีดขาดของถุงซิลิโคน ทางแพทย์สามารถที่จะตรวจสอบดูสภาพถุงนมเทียมหรือถุงซิลิโคนได้ แต่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือตรวจพิเศษ เช่น ใช้การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก หรือ ใช้การตรวจด้วยอัลตร้าซาวน์ เป็นต้น

@